|
พระเนื้อผงทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ประทับนั่งขัดสมาธิเพชรอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว
แบบลูกประคำก้นหอย
บนฐานบัวคว่ำบัวหงายซึ่งรองรับด้วยฐานแท่น 3 ชั้น
ห่มสบงเฉียงชายสังฆาฏิสั้นปลายแฉกเหมือนเขี้ยวตะขาบ
คล้ายกับพระพุทธสิหิงค์เมืองนครศรีธรรมราช
กล่าวกันว่า
พระพุทธสิงหลปฏิมา ดังกล่าวนี้
พระเจ้าปรากรมพาหุที่ 1 แห่งประเทศศรีลังกา
ซึ่งเป็นราชบุตรเขยของกษัตริย์ศรีวิชัย
ซึ่งครอบครองราชย์สมบัติอาณาจักรสิงหลระหว่าง พ.ศ.
1696 ถึง พ.ศ. 1729
ผู้ทรงฟื้นฟูพุทธศาสนาอย่างขนานใหญ่
ดังปรากฏความในจารึกกลัยาณียกย่องว่า ทรงเป็น
พระเจ้าศิริสัฆโพธิปรากรมพาหุ
อันเป็นแบบฉบับของศาสนาพุทธ นิกายลังกาวงศ์
ในสมัยต่อมาแพร่หลายเข้ามารุ่งเรืองอยู่ในประเทศต่าง
ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมือง นครศรีธรรมราช
เชื่อกันว่าพระพุทธสิหิงค์ได้สร้างขึ้นในสมัยนั้น
ต่อมาราชโอรสของกษัตริย์ศรีวิชัยองค์หนึ่งพระนามว่า
พระเจ้านิสสังกะมัลละ
ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสุภัทรา
ราชธิดาของพระเจ้าปรากรมพาหุที่ 1
ครั้นมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ของศรีลังกาสวรรคตพระเจ้านิสสังกะมัลละได้เสด็จขึ้นครองราชย์อาณาจักรสิงหลใน
พ.ศ 1730
พระองค์ทรงสร้างพระมหาเจดีย์รุวันเวลิแซยะ หรือ
พระธาตุหาดทรายแก้ว ขึ้นในกรุงโปโลนนารุวะ
เมืองหลวงของลังกา
โดยลอกเลียนเลียนแบบไปจากพระมหาธาตุเจดีย์เมืองนครศรีธรรมราช
ศิลาจารึกของพระองค์กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ชัดเจน
ภายหลังเกิดปัญหาเกี่ยวกับการครองราชย์สมบัติขึ้นในประเทศศรีลังกา
พระเจ้าจันทรภาณุศิริธรรมราชา
จึงยกกองทัพเรือไปปิดล้อมเมืองหลวงของอาณาจักรสิงหล
ส่งทูตไปเจรจาของให้พระเจ้าปรากรมพาหุที่ 2 ส่งมอบ
พระพุทธสิหิงค์ พระทันตธาตุ
และบาตรของพระพุทธเจ้าให้แก่พระองค์
เมื่อถูกปฏิเสธกองทัพ
พระเจ้าจันทรภาณุจึงปิดฉากโจมตีไปทั่งกรุงลงกา
ดังปรากฏเรื่องราวอยู่ในคัมภีร์จุลวงศ์กล่าวว่า ใน
พ.ศ. 1779 ชาวกะราชา พระนาม จันทรภาณุ
ยกกองทัพเรือไปย่ำยีเกาะลังกาแต่ถูกต่อต้านจนล่าถอยกลับไป
หลังจากนั้นยกกองทัพเรือไปโจมตีลังกาอีกครั้งหนึ่ง
เพื่อให้สอดคล้องกับคตินิยมในการนับถือศาสนาพุทธ
นิกายหินยาน ซึ่งเข้ามาแทนที่การนับถือศาสนาพุทธ
นิกายมหายาน เมื่อราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18
จึงได้สร้างพระพุทธรูปสำคัญอันเป็นต้นแบบของการสร้างพระพุทธรูปแบบสุโขทัย
เชียงแสน ของชาวไทย-ลาว ในภาคเหนือ
ไว้เป็นสัญลักษณ์ในคราวสร้างพระผงหลักเมืองให้หลากหลายสอดคล้องกับคตินิยม
โดยยึดถือรูปแบบพระพุทธสิหิงค์เป็นหลักเพื่อคงความงดงามของศิลปกรรมแห่งชาวทะเลใต้ไว้
และมีรูปพระราหูอมจันทร์
ตลอดจนหัวใจพระคาถาไว้ด้านหลัง
ทั้งนี้ด้วยวัตถุประสงค์ไม่ให้ขัดแย้งกับหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนา
นิกายเถรวาท ที่ห้ามมิให้เชื่อถือสิ่งใด
นอกจากพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์
ดังนั้น พระพุทธสิงหลปฏิมา
อันเป็นศิลปะผสมระหว่างศิลปะศรีวิชัยและศิลปะลังกา
ต่อมาได้กลายเป็นพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงโด่งดังในประวัติศาสตร์ไทย
จึงถูกนำมาดัดแปลงแต่งเติมให้มีรูปทรงได้สัดส่วนผสมผสานกับนัยความหมายในหลักปรัชญาหลายประการ
เพื่อให้ประชาชนบูชาบับถือได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
ดังความกล่าวที่ว่า
ผู้ใดบูชาเราจะพบแต่ ลาภ
ยศ สุข สรรเสริญ
และการปลุกเสกส่วนผสมของมวลสารก็เป็นเช่นเดียวกับ
พระผงสุริยัน จันทรา
และในการสร้างก็สร้างเพียงสามสี คือ สีดำ สีขาว
และสีแดง ซึ่งแสดงถึง องค์สุริยัน
จันทราและองค์จตุคามรามเทพ หากท่านหาพระผงสุริยัน
จันทรา
ไม่ได้แล้วก็หาพระพุทธสิหิงค์มาบูชาก็ได้พระพุทธคุณเฉกเช่นเดียวกันทุกประการ
|