"
พระราหู
ไม่ใช่ยักษ์มาร ผีโขมด ไม่ใช่ความหลงมัวเมาในตัณหา
ไม่ใช่ความโง่เขลาเบาปัญญา
แท้จริงแล้ว พระราหู
คืออะไร
"
ในสมัยโบราณ
เมื่อคนเรามีความรู้ในทางดาราศาสตร์ยังไม่กว้างขวาง
คราใดเกิดปรากฎการณ์ จันทรคลาส หรือ สุริยคลาส
ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่อง พระราหูไล่จับพระจันทร์
และพระอาทิตย์ เมื่อจับได้ก็จะอมไว้
บังเกิดความมืดปกคลุมไว้ หรือเกิดวามกลัวว่า
พระจันทร์ พระอาทิตย์ จะดับไปชั่วนิรันดร์
จึงต้องช่วยกันแก้ไขด้วยการ ตีเกราะ เคาะกะลา
จุดประทัด ยิงปืน นัยว่าเพื่อทำให้พระราหูตกใจกลัว
จะได้คายพระจันทร์ พระอาทิตย์ รีบหลบหนีไป
เรื่องราวของ พระราหู
ผู้มีอานุภาพร้ายกาจเป็นที่น่าเกรงขาม
ส่วนใหญ่มีอยู่ในคัมภีร์โหราศาสตร์
กล่าวไวในรูปตำนานแตกต่างกันหลายฉบับ
โดยสมมุติว่าพระราหูเป็นเทวดากึ่งอสูรเกิดจากพระอิศวรเจ้าทรงสร้างขึ้นจาก
หัวผีโขมด 12 หัว
นำมาป่นแล้วประพรมด้วยน้ำอมฤตจึงเกิดเป็นพระราหูเทวบุตรขึ้นในสวรรค์ชั้นฟ้า
มีอิทธิฤทธิ์ไม่ยอมอ่อนน้อมให้แก่ผู้ใด
ต่อมาเหล่าเทวดาได้ชักชวนกันสร้างน้ำอมฤต
แต่พระราหูทำแชเชือน
ไม่ให้ความร่วมมือครั้งเหล่าทวยเทพชุมนุมกันกวนน้ำอมฤต
เสร็จสิ้น พระราหู
แอบเข้าไปลักกินน้ำอมฤต และพระจันทร์
กับ
พระอาทิตย์ไปพบเห็นเข้า
จึงนำความไปฟ้องต่อพระนารายณ์ผู้เป็นใหญ่
พระนารายณ์ทรงพิโรธขว้างจักรไปตัดกาย ราหู
ขาดออกเป็น 2 ท่อน เดชะอำนาจที่ได้ดื่มน้ำอมฤต
จึงไม่ตาย ท่อนหัวเป็นยักษ์
ล่องลอยอยู่ในห้วงอากาศ คอยไล่จับพระจันทร์
พระอาทิตย์
กลืนกินด้วยความอาฆาตแค้นส่วนท่อนล่างมีลักษณะคล้ายงู
กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้เกิดความมืดขึ้นบนพื้นโลกอยู่เนือง
ๆ
ผู้ที่ไม่รู้ถึงนัยอันล้ำลึกขิงวิชาโหราศาสตร์
ซึ่งซ่อนเร้นความความรอบรู้
ความลับของธรรมชาติไว้ในรูปนิทานปรัมปรา
สำคัญผิดคิดว่า พระราหู
เปรียบดังความมืดมัวเมาเหมือนดังกิเลสตัณหาที่คอยติดตามทำลายด้วยจิตของมนุษย์ให้เกิดความเขลา
จนถึงกับกล่าวคำเปรียบเปรยถึงคุณสมบัติในทางชั่วร้ายไว้ว่า
ดูมัวเมา ให้ดูราหู ดังนี้เป็นต้น
นอกจากคัมภีร์โหราศาสตร์กล่าวถึง พระราหู แล้ว
เรื่องพระราหูยังมีอยู่ในพระไตรปิฎกของพุทธศาสนาในหัวข้อ
" จันทิมสูตร และ สุริยสูตร
"
อ้างว่าเมื่อครั้งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระนครสาวัตถี
ปรากฏ ว่า จันทิมเทวบุตร
ถูกอสุรินทรราหูจับพระจันทร์จะกลืนกิน
พระจันทร์จึงขอร้องขอให้ พระพุทธเจ้า
คุ้มครองป้องกันให้พ้นจากการคุกคามของพระราหู
ในที่สุดพระองค์ทรงใช้คาถาทรมานพระราหู
จนยอมปล่อยพระจันทร์ และหันมาเลื่อมใสศาสนาพุทธ
ในทำนองเดียวกันพระอาทิตย์
ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก พระพุทธเจ้า
พระองค์ทรงกระทำปาฏิหาริย์จนพระราหู ลดทิฐิมานะ
ยอมถวายอภิวาทพระศาสดา ละเลิกเป็นอันธพาล
เลื่อมใสในหลักธรรมของพระ ตถาคต (
พระไตรปิฎกเล่มที่ 15 ข้อ 241-2520)
ในปัจจุบันนักดาราศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า
จันทรคราส สุริยคลาส
ดังปรากฏการณ์ธรรมชาติอันเกิดจาก
วงจันทร์โคจรรอบโลก และโลกโคจรไปรอบดวงอาทิตย์
คราใดที่ดวงอาทิตย์ โลก และ ดวงจันทร์
โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน กล่าวคือ
ดวงจันทร์อยู่ตรงกลางระหว่างโลก กับดวงอาทิตย์
เงามืดของดวงจันทร์จะทอดยาวมาบังบางส่วนของโลก
ก็จะเกิดสุริยุปราคาขึ้นในตอนกลางวัน
หรืออาจเรียกได้ว่า พระราหูอมพระอาทิตย์
ภาพต่อเนื่องแสดงดวงจันทร์เพ็ญที่ค่อย ๆ
ถูกเงาโลกกลืนกินระหว่างการเกิดจันทรุปราคา
ถ่ายจากฮ่องกง ภาพซ้ายบนสุดถ่ายเมื่อเวลา 2.45 น.
ตามเวลาท้องถิ่น (1.45 น. ตามเวลาในไทย)
ภาพขวาล่าง ถ่ายเมื่อเวลา 4.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
(3.00 น. ตามเวลาในไทย)
แต่ถ้าโลกอยู่ตรงกลาง
แสงอาทิตย์ที่ส่องมายังโลกทำให้เกิดเงามืด
ทอดยาวไปยังดวงจันทร์ทำให้เกิดเงามืดขึ้นบังแสงจันทร์ในเวลากลางคืน
เรียกว่า จันทรุปราคา หรือ พระราหูอมจันทร์
วิชาโหราศาสตร์ หรือที่เรียกกันว่า
ศิวศาสตร์ หรือ โลกศาสตร์
เป็นวิชาการที่ยุ่งยากซับซ้อนมาก
ผู้ที่จะเรียนรู้ต้องเป็นคนที่มีสติปัญญาดี
มีความรู้ในศาสตร์อื่นอีกมากมายมาประกอบจึงอาจเรียนรู้วิชาการลึกลับให้แตกฉานได้
โหราศาสตร์จึงไม่ใช่เรื่องงมงาย
หรือเชื่อถือในลักษณะผิด ๆ
เพราะโดยแท้จริงแล้วก็คือความเข้าใจในทางธรรมชาติวิทยา
อันเกิดจาการโคจรหมุนเวียนของดวงดาวในจักรวาล
ซึ่งสัมพันธ์ต่อกันในทางแสง และแรงดึงดูด
แต่ที่แปลกประหลาด คือ โลก
ของเรานั้นเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียว
ที่มีระบุธาตุทั้ง 4 พร้อมมูลอยู่ในตัว
และมีชั้นบรรยากาศห่อหุ้มไว้ดุจดังเรือนกระจก
บันดาลให้เกิดความอบอุ่น
เหมาะสมสำหรับเป็นแหล่งกำเนิดของมวลชีวิต
|