หลักเมือง นครศรีธรรมราช

 | หน้าหลัก | จตุคามรามเทพ | ตำนานพระบรมธาตุศิริธัมมราช | ประวัติและการสร้างศาลหลักเมืองนครศรี | พระผงสุริยัน–จันทรา และดวงตราพญาราหุ |
| ดวงฤกษ์พิธีเททองหล่อพระบูชา 5 เศียร | คณะกรรมการศิษยานุศิษย์ | ติดต่อ |

 

เรียนรู้ บูชา พระบรมธาตุ
วิหารพระม้า
วัตถุมงคล ที่ระลึก
พระราหูคืออะไร
พระพุทธสิงหิงค์ปฎิมา
พระหลักเมืองเนื้อโลหะ
ความเป็นมาพระพังพระกาฬ
จอมนาคราชพังพระกาฬ
ความมหัศจรรย์ของหลักเมือง

จากใจผู้จัดทำ
ภาพกิจกรรมที่ผ่านมา
พระเครื่องพระสะสม

ท่านพลตำรวจตรีขุนพันธ์รักษ์ราชเดช กล่าวว่า วัตถุมงคลที่ระลึกศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช คือ วัตถุมงคลที่เป็นสุดยอดของความเข้มขลัง มีความศักดิ์สิทธิที่ไม่เคยสร้างสิ่งใด ๆ ได้เหนือไปกว่านี้แล้ว เป็นการประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบได้ประจาตุกายสิทธิ์ทุกชนิดที่ท่านมีอยู่ เช่น เหล็กไหล เหล็กหลบ เหล็กย้อย ธาตุอรหันต์ คนธรรม์ เขี้ยวแก้ว คตต่าง ๆ ที่เป็นธาตุกายสิทธิ์ สะสมไว้ตั้งแต่สมัยหนุ่มรวบรวมนำลงไปผสมในวัตถุมงคลรุ่นนี้จนหมดสิ้น วิชาความรู้ต่างๆ ที่ร่ำเรียนมาในโอกาสดำเนินการครั้งนี้ ทำตามความรู้ที่ได้รับถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์ทุกอย่าง ขอรับรองว่าคงหาวัตถุมงคลใดเทียบเทียมได้ยาก ใครมีโอกาสได้รับก็ขอให้เก็บไว้ และ ถ่ายทอดให้แก่ลูกหลานคุ้มครองวงศ์ตระกูลให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปเถิด "

วัตถุมงคลคุ้มครองดวงชะตา
พระผงสุริยัน – จันทรา และดวงตราพญาราหุ

อันศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรทะเลใต้
สร้างขึ้นในโอกาสประกอบพิธีกรรมเบิกเนตรศาลหลักเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช
ระหว่างวันที่ 3 – 5 มีนาคม 2530 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 4 ปีขาล

เนื้อผงประกอบด้วยมวลสารมงคล ดังต่อไปนี้

ผงไม้ตะเคียนทองหลักเมือง  ปูนเปลือกหอย
ดินสังเวชนียสถาน 4 แห่ง ดิน 7 ป่าช้า
ข้าวสุก 7 นา ผงกะลาตาเดียว
ว่านมงคล 108 น้ำตาลอ้อย
กล้วย เกลือ
น้ำศักดิ์สิทธิ์ 4 บ่อ ผงอิทธิเจ
ปูนหิน แร่ 7 เหมือง
เกศรดอกไม้  108 น้ำผึ้งหลวง
อับเพชร น้ำมันจันทน์
เงิน ทอง
นาก  

รูปแบบ  ประดิษฐ์เป็นรูปวงกลมวัฏจักรตามอุดมคติศิลปะศาสตร์ศรีวิชัย  ทำรูปพญาราหูอมจันทร์รายล้อมทั้ง 8 ทิศ  กงจักรล้อมดวงตรา 12 นักษัตร  ตรงกลางปติมากรรมพระเทวะโพธิสัตว์แห่งทะเลใต้เป็นองค์ประธาน  ด้านหลังสลักยันต์หัวใจธรณี   หัวใจมนุษย์  หัวใจพระคาถากำกับธาตุตามคติธรรมชาวศรีวิชัย  พระเนื้อผงสริยัน – จันทรา  คณะช่างได้บรรจงสร้างขึ้นอย่างประณีตงดงามสุดยอดศิลปกรรมแห่งยุค  สอดคล้องตรงตามศาสตร์ชาวชวากะ เป็นแบบแผนสืบไป

พิธีกรรม  ดวงตราพญาราหูอมจันทร์ อันเป็นดวงตราแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ของชาวทะเลใต้ซึ่งไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนว่า  รูปรอยตรามหาจักรพรหม  เป็นตราประจำองค์  ราชันดำจตุคามรามเทพ  ที่หวงแหน  ล่วงละเมิดมิได้  พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช  พันตำรวจเอกสรรเพชญ์  ธรรมาธิกุล  ได้หยั่งรู้ในความหมาย  จึงประกอบพิธีกรรมอันเชิญดวงวิญญาณของ  องค์จตุคามรามเทพ  ปฐมกษัตริย์ศรีวิชัย  ขออนุญาตให้ใช้ดวงตราศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐ์  พระสุริยัน – จันทรา  ให้ปรากฏตามเบญจเทพนิมิตบอกกล่าวส่วนผสมตามแบบโบราณ

 

รูปพญาราหูอมจันทร์ทั้ง 8 เรียงรายเป็นวงกลม

                ประการแรก  สมมุติหมายถึง ทิศสำคัญ 8 ทิศ  คือทิศใหญ่ 4 ทิศ  ทิศน้อย 4 ทิศ  โดยเฉพาะทิศตะวันออก ซึ่งดวงอาทิตย์เริ่มให้แสงสว่างแก่โลกบังเกิดความอบอุ่น  อันเป็นมูลฐานปรุงแต่งธาตุให้เกิดมวลชีวิต  วัน  คืน  ฤดูกาล  กำหนดในดวงตราให้พญาราหูตรงกลางเป็นรูปหนูเป็นทิศตะวันออก พญาราหูตรงกับรูปกระต่าย  เป็นทิศเหนือ  ในแต่ล่ะทิศสมมุติว่ามีจตุโลกเทพและจตุโลกบาล  เฝ้ารักษาผู้ตรัสสู้ธรรมย่อมหยั่งรู้ด้วยญาณทัศนะ  ทราบถึงธรรมชาติสามารถให้พญาราหูประจำทิศ  กำหนดควบคุมให้เกิดประโยชน์แก่ตนมากที่สุด  หากเป็นโทษอาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขตามกาลจักรศาสตร์

                ประการสอง   สมมุติแทนสัญลักษณ์ของดาวเคราะห์สำคัญที่มีอิทธิพลต่อโลกมนุษย์  ด้วยเป็นขุมพลังแสง  อนุภาคแสง  ปรุงแต่งกระแสธาตุบนพื้นโลก  คือ ดวงอาทิตย์  กำหนดให้พญาราหูตรงกับรูปกระต่าย แทนนามวัน คือ วันอาทิตย์  นับเวียนขวา มีพญาราหูแทนนาม  วันจันทร์  วันอังคาร  วันพุธ วันพฤหัสบดี  วันศุกร์  วันเสาร์ ส่วนพญาราหูตรงกับรูปเสือ สัตว์ดุร้ายกินสัตว์อื่นเป็นภักษาหารลำดับที่ 8  มิได้นำมากำหนดเป็นนามวัน  เพราะดาวโลกเป็นที่อยู่อาศัย  เกิด  แก่  เจ็บ  ตาย  เวียนว่ายตายเกิดตามวัฏจักรโหราจารย์เรียกว่า   วันราหู  หรือ จุดฆาต  เพราะทั้งมวลชีวิตทุกรูปแบบจะต้องเกิดต้องตายลงในวันใดวันหนึ่งอย่างแน่นอน  โดยพญาราหูลำดับที่ 8  เป็นผู้กำหนด  และเป็นสถานที่รองรับความหมายแห่งดาวเคราะห์ที่มีอยู่มากมาย  สุดที่จะอธิบายให้หมดสิ้นได้

                ครั้นได้รับอนุญาตแล้ว จึงประกอบพิธีกรรมปลุกเสกเนื้อผงทั้งปวงกลางทะเลลึก  ปลุกเสกบนภูเขาขุนพนม  ปลุกเสกกลางทุ่งนา  ครบถ้วนตามภูมิ 3 ภูมิ  คือภาคพื้นดิน  ภาคพื้นน้ำ  ภาคพื้นอากาศ  อาราธนาพระอาจารย์แห่งสำนักวัดเขาอ้อ  ปลุกเสกสาธยายมนต์ตามประเพณีชาว 12 นักษัตร  รูปแบบและพิธีกรรมพระเนื้อผง สุริยัน -  จันทรา  จึงอุปมาดังจำลองจักรราศีบนฟากฟ้า  ปรากฏในประติมากรรมโน้นนำพลังกระแสคลื่น  และรังสีทั้งหลายในอากาศธาตุ  ตลอดจนคลื่นลมในมหาสมุทร  และพื้นธรณีประจุเข้าสู่มวลวัตถุมงคล  ให้ทรงฤทธานุภาพยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก  และครั้งเดียวที่ครบถ้วยตามแบบแผนของบรรพบุรุษชาว ชวา

รูปสัตว์ดาว 12 นักษัตร

                ห้วงสุริยจักรวาลอันเวิ้งว้างหาขอบเขตมิได้ประกอบด้วยดาวฤกษ์สำคัญ  มองเห็นเป็นรูปสัตว์ 12 ชนิด เรียงรายไปบรรจบกันเป็นรูปวงกลม  เมื่อแบ่งรัศมีวงกลมออกเป็นราศีอาณาเขตของกลุ่มดวงฤกษ์โดยเฉลี่ยกัน  ดาวนักษัตรเหล่านี้กว่าที่โลกจะโคจรผ่านพ้นไปได้ ใช้เวลา 1 ปี จะต้องเดินทางนานถึง 12 ปี  จึงจะครบรอบ 1 นักษัตร  ตามความเป็นจริง  กลุ่มดาวนักษัตรอยู่ห่างไกลจากเส้นทางโคจรของโลกและไม่มีทางไปถึงดาวนักษัตรเหล่านั้นได้เลย  แต่เมื่อโลกล่องลอยอยู่ตรงกับอาณาเขตของกลุ่มดาวนักษัตรใด  ด้านหลังของโลกจะกลายเป็นเงามืดมหึมา  ดำมืดทอดยาวแผ่รัศมีกว้างไกลออกไปในห้วงจักรวาลสุดพรรณนา  จึงสมมุติเงาของโลกอุปมาดังพญาราหู  อสุราจอมมารร้าย  ด้วยห้วงบรรยากาศอันหนาวเย็น  บริเวณเงาพญาราหูปกคลุมไปด้วยมวลธาตุคลื่นพลังรังสีนานาชนิด  คราใดต้องอนุภาคแสดงดาวบาปเคราะห์เข้า  จะเกิดปฏิกิริยาปั่นป่วนพลังร้ายขึ้นทันที   ยิ่งประกอบกับดาวนักษัตรร้ายด้วยแล้วอำนาจของดาวนักษัตรจะส่งเสริมความเลวร้ายหลายเท่าทวีคูณ  โลกจะพบกับความวิบัติร้ายแรง  ด้วยพญาราหูที่มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำบัญชาของจักรวาลโดยไม่บิดพลิ้ว  มวลชีวิตและวัตถุในโลกก็พบกับควาทุกข์ยาก  เช่น  ดาวนักษัตรปีมะแม  รูปแพะ  ธรรมชาติของสัตว์อาศัยหากินตามป่าดอน ไม่ชอบน้ำในช่วงปีนักษัตรนั้นจะบังเกิดความแห้งแล้งขึ้นในโลก  หากดาวนักษัตรปีมะโรง  สัญลักษณ์จอมนาคราชสัตว์ผู้เป็นเจ้าแห่งสมุทร  โปรดปรานการเล่นน้ำ มักเกิดน้ำท่วมใหญ่  แผ่นดินถล่มทลาย  ผู้คนล้มตายด้วยพิษนาค ดังนี้เป็นต้น

                แม้แต่ชีวิตของบุคคล  การถือกำเนิดขึ้นในปีนักษัตรใด  บุคลิกภาพ นิสัย  ความพอใจมักโน้มเอียงไปตามอุปนิสัยของรูปสัตว์ประจำดาวนักษัตร  เหตุการณ์บ้านเมืองก็มักเปลี่ยนแปลงไปตามอำนาจของดวงดาว  การก่อกบฏ  การสงคราม  ที่เกิดขึ้นในนักษัตรรูปเสือ  ผู้คนจะฆ่าฟันกันล้มตายเลือดนอนแผ่นดิน  ยิ่งในปีนั้นพญาราหูดับแสงเดือนแสงตะวันจนมืดมิด เรียกว่า  จันทรคราส – สุริยคราส  ด้วยแล้ว  ผลแห่งภัยพิบัติจะเพิ่มความร้ายแรงหลายเท่าตัว 

 รูปวงกลมตรงศูนย์กลาง

                รูปสมมุติแห่งความว่างเปล่ามีความหมายหลายประการ  เช่น  วิญญาณ  ธาตุศูนย์กลางจักรวาล  การตั้งฟ้าตั้งดิน  เป็นต้น  ตำนานชาวชวากะถือว่า  ตรงจุดศูนย์กลางแห่งดวงตราพญาราหูอมจันทร์เป็นจุดสำคัญที่สุด  คล้ายกับคติธรรมการสร้างพระพุทธเจดีย์  อันเป็นการจำลองโน้มนำสังเวชนีย์สถานทุกแห่งไปรวมกันไว้ ณ จุดเดียว  อุปมาดังศูนย์กลางปลงธรรมสังเวชซึ่งบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง  หมายถึง    นิพพานภพ

                วิญญาณธาตุ  เป็นนามธรรม  ไม่มีตัวตน ว่างเปล่า  คล้ายกับอากาศธาตุ  แต่ไม่ใช่ลมเพราะลมเป็นสะสารที่สามารถวัด  สัมผัส  จำกัดขอบเขต  นักวิทยาศาสตร์ทั่วไปเล่นแร่แปรอากาศธาตุได้เช่นเดียวกับวัตถุอื่น  ทราบถึงที่มาสาเหตุทางวิชาการ  ก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลจากพลังงานธรรมชาติชนิดนี้  แต่วิญญาณาธาตุไม่เคยปรากฏอยู่ในศาสตร์สาขาใด  นอกจากคำสอนของศาสนาเรียนรู้อยู่ในหมู่ผู้ปฏิบัติธรรม เรียกว่า “ ดวงจิต ”  คนเราเมื่อยังมีชีวิตอยู่ร่างกายเปรียบประดุจบ้านเรือนที่พักอาศัย  จิตใจเป็นเหมือนเจ้าของคอยควบคุมบงการไปตามสัญชาติ  คือ  กิเลสตัณหาความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด  สามัญสำนึกคล้ายกับสัตว์เดรัจฉานทั่วไป  หากปราศจากความถูกต้องชอบธรรมขนบธรรมเนียมศาสนาช่วยสั่งสอน  ขัดเกลา  ปลูกฝัง  หลักจริยธรรมให้เกิด  จิตสำนึกก็ไม่อาจเรียกมนุษย์ว่าเป็นสัตว์ประเสริฐได้  พุทธศาสนาจึงชี้หนทางให้เห็นกฎวัฏสงสารว่า รูปธรรมย่อมถึงกาลแตกดับไปตามอายุขัย  ร่างกายก็กาลายเป็นศพ  ส่วนดวงจิตอันเป็นนามธรรมก็พลันสละเรือนร่างไปพร้อมกับการสิ้นลมหายใจ  ไม่มีผู้ใดทราบว่าไปอยู่ที่ไหน  จึงเรียกดวงจิตของผู้ตายไปแล้วว่า  วิญญาณ  หรือ ผี

                ชาวชวากะเชื่อว่า  วิญญาณเป็นธาตุที่ 5 มิได้สลายหายสูญ  ได้แปรสภาพกลับคืนกระจายไปกับกระแสลมที่อยู่รอบตัวเรา  วิญญาณของคนชั่วมิได้พัฒนา  ดวงจิตตกต่ำถูกเหยียดหยามเป็น ภูตผีปีศาจ  ส่วนวิญญาณของผู้ปฏิบัติธรรม  ดวงจิตใจสูงได้รับการยอย่องเป็น  เทพ  หรือ เทวดา  สุดแต่สร้างบารมีถึงระดับใด  ต่างรอเวลากลับมาเกิดใหม่เป็นวัฏสงสาร  การล่วงรู้ดังนี้ ชาวชวากะโบราณจึงแนะนำลูกหลานให้ทำบุญอุทิศทานแก่บรรพบุรุษ  ญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้ว  แผ่บารมีธรรมปกป้องมิให้ดวงวิญญาณทั้งหลายกลับมาจุติในท้องสุนัขในเทศกาลเดือนสิบ  นักบวชชาวจีนสมัยโบราณเคยเดินทางมาศึกษา ณ จักรวรรดิศรีวิชัย ได้กลับไปเผยแพร่ในประเทศจีน  จึงเกิดเป็นประเพณีนิยมทางศาสนาที่คล้ายคลึงกัน

                พระผงสุริยัณ – จันทรา   เป็นวัตถุมงคลชนิดหนึ่งในหลายอย่างที่ถูกสร้างขึ้น  ตามพิธีกรรมในแบบโบราณอย่างแท้จริง  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้างปูชนียสถานของตนเองให้มากทีสุด  ด้วยทุนทรัพย์เพียงเล็กน้อย  แต่ได้รับสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาลเปรียบดังแก้วมณีที่ได้รับการเจียรนัยแล้ว  โดยเฉพาะ  พระผงสุริยัณ – จันทรา  นี้ทำขึ้นตามคติธรรมความเชื่อในระบบจักรวาลวิทยา  อันมีดวงอาทิตย์  ดวงจันทร์  เป็นผู้นำในระบบสุริยคติ  และระบบจันทรคติ  แล้วยังสร้างขึ้นตามหลักการสำคัญของจักรพรรดิจีนในอดีต  เมื่อราชทูตจีนเดินทางไปเจริญพระราชไมตรีกับอาณาจักรใดจักรพรรดิจะพระราชทาน  คันฉ่องสำริด   อันหนึ่งฉายรูปพระพักตร์องค์จักรพรรดิ  อันหนึ่งฉายพระพักตร์ฮองเฮา  ก็คือ  คันฉ่องสุริยัณ – จันทรา   ถือกันว่าเป็นวัฒนะรรมอันศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งของจีน  ที่เคยติดต่อกับศรีวิชัยมาไม่น้อยกว่าสองพันปี  เพื่อแสดงให้เห็นว่าดินแดนแห่งนี้เป็นจุดเชื่อมโยงของชาติที่เคยมีอำนาจยิ่งใหญ่ในโลก  คือ   จีน  กับ  อินเดีย   ไว้ในรูป            พระผงสุริยัณ – จันทรา   อันเป็นที่มาของรูปแบบศิลปกรรมเก่าแก่  ซึ่งไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
 


งื่อนไขการใช้และคำประกาศของเว็บไซต์หลักเมือง๓๐.คอม
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 : ห้ามทำการคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขรูป หรือ ข้อความใดๆ ไปใช้ ก่อนได้รับอนุญาต
สงวนลิขสิทธิ์เนื้อหาทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ โดย [นายประยงค์ - นางนวลจันทร์ เชาวิลตถวิล]